เที่ยวดอยอ่างขาง…“ภูเขาของพ่อ” ไปได้ทั้งปี

“ภูเขาของพ่อ” ดอยอ่างขาง จากดอยห่างไกลเมืองแต่ใกล้ชายแดน อุดมไปด้วยพืชพรรณหลากหลาย และผืนป่าสมบูรณ์หลากหลาย เป็นสถานที่วิจัยพืชผลที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่เที่ยวปักหมุดในฤดูหนาวของผู้คนทั่วสารทิศ

แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวดอยอ่างขางช่วงหน้าฝนกัน จะเป็นอย่างไรกันบ้างมาชมเลยค่ะ

ดอยอ่างขาง ไปหน้าฝน โลว์ซีซั่น กรีนซีซั่น ที่นักท่องเที่ยวลดน้อยลงจนแทบไม่เห็นใคร เดือนพฤษภาคมต้นฤดูฝน มีฝนโรยรินนั้น ก็สามารถเที่ยวดอยอ่างขางได้ และมีดีกว่าที่หลายคนมองข้ามอยู่นะ … ทริปอ่างขางฤดูฝนครั้งนี้จะเป็นทริปที่ทำให้ทุกคนนั้น หลงรักฤดูฝนที่ดอยอ่างขางมากขึ้นอีกแน่นอน

ดอยอ่างขางหน้าฝน  นักท่องเที่ยวน้อยแต่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่ต้องแย่งกันกิน  แย่งกันเที่ยว ไปแบบสบายๆ เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการขับรถขึ้นดอยซักหน่อย เพราะทางขึ้นค่อนข้างชัน หากในระหว่างที่ขับขึ้นไปฝนตกถนนลื่น อาจมีหมอกฝนบดบังทัศนวิสัยในการขับรถได้    ขับรถมาถึงสามแยกเข้ามาที่ตลาดนัดด้านหน้า ฤดูหนาวจำได้ว่า รถจอดเต็มพื้นที่แทบไม่มีที่จอดรถ  และบริเวณนี้ก็คึกคักไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงนักท่องเที่ยว แต่ในฤดูฝนยิ่งมาเที่ยวในวันธรรมดา เงียบสงัด  ส่วนใหญ่ร้านปิด มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เปิดบ้าง 3-4 ร้าน

อย่างที่หลายคนคงทราบคือเที่ยวดอยอ่างขางสะดวกที่สุดต้องรถส่วนตัว หาเช่าง่ายทั้งจากสนามบินหรือในตัวเมือง

เส้นทางขึ้นดอยอ่างขางมีสามเส้น หนึ่งทางตรงกับสองทางอ้อม ทางตรงคือขึ้น ทล.1249 ที่อำเภอฝาง เป็นทางตัดดิ่งขึ้นดอย ลาดชัน รถยนต์เล็กหรือคนขับไม่ชำนาญควรเลี่ยงเส้นนี้ ส่วนทางอ้อมคือขึ้นจากอำเภอเชียงดาว หรืออำเภอไชยปราการ ซึ่งจะไปเจอกันที่บ้านสินชัยแล้วขึ้นสู่อ่างขางต่อไป ทางไม่ชันเท่าเส้นตรง

ครั้งนี้เลือกขึ้นทางเชียงดาว จากถนนหลัก ทล.107 มาถึงแยกเมืองงายตัดกับ ทล.1178 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยจะเจอป้ายบอกทางไปอ่างขาง ผ่านน้ำตกศรีสังวาลย์ อุทยานแห่งชาติผาแดง บ้านอรุโณทัย แล้วจึงเริ่มขึ้นเขาจนถึงบ้านสินชัย (แยกที่บรรจบกับเส้นจากไชยปราการ) แล้วขึ้นเขาต่อเนื่องถึงดอยอ่างขาง ระยะทางจากแยกเมืองงายราว 80 กิโลเมตร

เทียบจากเริ่มต้นตรงแยกเมืองงาย ขึ้นทางฝางหรือเชียงดาวก็ระยะไล่เลี่ยกันครับ แถมทางเชียงดาวใกล้กว่า 4-5 กิโลเมตรด้วยซ้ำ แต่ขึ้นฝั่งเชียงดาวต้องใช้เวลามากกว่าเพราะถนนแคบกว่า คดเคี้ยวกว่า แลกกับความชันน้อยกว่า ส่วนทางฝางเราวิ่งถนนใหญ่ฉิวๆ แล้วตัดตรงดิ่งขึ้นดอยเลย

ตีห้านิดๆ ตั้งปลุกเอาไว้เพราะช่วงนี้สว่างค่อนข้างเร็ว ฝนหยุดตกตั้งแต่กลางดึกแล้ว  แต่งตัวเสร็จสรรพรีบดิ่งตรงไปม่อนสน เห็นแล้วแทบกรี๊ดเพราะวันนี้ถึงจะไม่เรียกว่าเต็มพื้นที่ แต่ทะเลหมอกก็มาตามนัดนะจ๊ะ เราชมทะเลหมอกกันที่ฐานปฏิบัติการอ่างขาง เป็นหน่วยทหาร อยู่ข้างๆ กับม่อนสนนั่นแหละ เลือกตรงนี้เพราะให้มุมสวยกว่าและใกล้หมอกมากกว่านิดหน่อย

แต่ตรงนี้ยังไม่ใช่จุดหมายแท้จริงของเรา เพราะเราจะขึ้นไปชมทะเลหมอกบนยอดสูงสุดของดอยอ่างขาง 1,928 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งทางเดินขึ้นอยู่ข้างฐานปฏิบัติการฯ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกจัดทำไว้ สามารถเดินเองไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ระยะประมาณ 640 เมตร ใช้เวลาแบบไม่เร่งรีบก็ราวสี่สิบนาที พกน้ำไปคนละขวดแล้วลุยกัน

ที่พิเศษที่สุดของที่สุด มาเที่ยวดอบอ่างขาวช่วงหน้าฝนคือ ความสวยของทะเลหมอกทั้งหมดทั้งตรงฐานปฏิบัติการฯ และยอดดอยอ่างขาง เป็นของเราเท่านั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นใดใครอีก… มันฟินขนาดไหนคิดเอาแล้วกันดี่มด่ำหมอกขาวจนพอใจ เราค่อยกลับมาทานอาหารเช้า

ไร่ชา 2000 หุบเขาเล็กๆ แต่มากความสวยงาม ด้วยทัศนียภาพแห่งทะเลหมอก และไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี ขั้นบันไดตามเนินเขา เป็นภาพที่คุณจะต้องประทับใจ เพราะทะเลหมอกของที่นี่ เปรียบดังสายน้ำที่กำลังไหลผ่านช่องเขา โอบล้อมรอบกาย เห็นแล้วสบายตา อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้

ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง ตั้งอยู่ก่อนถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขางประมาณ 1 กิโลเมต เป็นจุดทะเลหมอกแลพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของดอยอ่างขาง จุดชมวิวจุดนี้เพื่อให้ได้บรรยากาศและแสงสวยๆ ควรมาถึงประมาณ 6.30 -07.00 น.

 จุดชมวิวม่อนสน อยู่ใกล้กับฐานปฎิบัติการณ์ดอยอ่างขาง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของดอยอ่างขาง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและ วิวทะเลหมอก จุดชมวิวจุดนี้ควรมาถึงประมาณ 6.30 น. เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นให้ทันเวลา

จุดชมวิวซุ่ยถัง หรือ ชื่อเต็มว่าจุดชมวิวฐานปฏิบัติการซุ่ยถัง เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง สามารถชมทะเลหมอกได้แบบใกล้ชิด  อยู่ห่างจากสถานีเกษตรฯไปทางหมู่บ้านอรุโณทัย ห่างจากด่านตรวจตรงสามแยกอ่างขางไปประมา 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น ลำธารแห่งสายหมอก มีทะเลหมอกอลังการฉากหลังเป็นทิวเขาสูงสง่า ด้านล่างเป็นหมู่บ้านซุยถัง บริเวณจุดชมวิว มีลานกางเต็นท์ ร้านอาหารและห้องน้ำให้บริการนักท่องเที่ยว ง รีวิวเพิ่มเติม คลิ๊ก จุดชมวิวซุ่ยถัง  จุดชมวิวจุดนี้ควรมาถึงประมาณ 7.30 น. เป็นต้นไป โดยต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นไปซักนิดและสาดแสงลงมาก่อนถึงจะสวย ไปถึงก่อนทะเลหมอกจะมืดๆ แสงยังไม่มา

ฐานปฏิบัติการนอแลตั้งอยู่ ณ ฐานทหารไทยบริเวณเดียวกับหมู่บ้านนอแล ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างชายแดนไทยและชายแดนของประเทศพม่าเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาในยามเช้าสามารถมองเห็นทะเลหมอกอันสวยงามถึงแม้ในยามสายก็ยังเห็นทะเลหมอกได้  ไม่ไกลจากจุดชมวิวคือ หมู่บ้านนอแลเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผาปะหล่องที่อพยพ มาจากประเทศพม่า นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวปะหล่องได้ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกจำหน่าย อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ผ้าถุง ซึ่งถือเป็นฝีมือของชาวเขา

จุดชมวิวบ้านขอบด้ง แต่ก่อนจุดชมวิวบ้านขอบด้ง คือ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ายอดนิยม แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้เป็นจุดขายอาหาร ที่ในยามเช้าจะมีร้านอาหารหลายร้านให้บริการนักท่องเที่ยว รวมถึงให้บริการลานกางเต้นท์ด้วย  ซึ่งหลังจากเที่ยวชมยังจุดต่างๆ แล้ว จะเป็นจุดแวะพักทานอาหาร สามารถมาฝากท้องมื้อเช้ากันได้  ในช่วงเย็นจะมีชาวบ้านนำสินค้าพื้นเมืองมาขายอีกด้วย ในช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน จุดนี้ถือได้ว่ามีต้นนางพญาเสือโคร่งให้ชมหลายต้น

การเดินทาง
การเดินทางขึ้นดอยอ่างขางนั้นไม่ยากและก็ไม่ง่าย แต่ต้องใช้เวลา หลังจากที่ปิดถนนไปครึ่งค่อนปี ตอนนี้การขับรถขึ้นดอยอ่างขางสะดวกสบายขึ้นมาก ๆ แล้ว การเดินทางขึ้นดอยอ่างขางมี 2 วิธีด้วยกัน นั่นก็คือรถยนต์ส่วนตัวกับรถโดยสารสาธารณะ
1. รถยนต์ส่วนตัว
หากเพื่อน ๆ มีรถยนต์ส่วนตัว มี 2 เส้นทางด้วยกัน
ถ้ามาจาก จ.เชียงใหม่โดยใช้ทางหลวง 107 จนถึง อ.เชียงดาว จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่แยกเมืองงายเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 1178 ขึ้นอ่างขาง
หากมาจากฝางหรืออำเภอไชยปราการ ให้ใช้ถนนเส้น 1249 แม่งอน-หนองเต่า ที่ขึ้นจาก อ.ฝาง
2. รถโดยสารสาธารณะ
ใช้รถโดยสารประจำทางจากจังหวัดเชียงใหม่ สามารถไปขึ้นรถได้ที่ สถานีช้างเผือก มีทั้งรถตู้เชียงใหม่-ฝาง ลงที่วัดหาดสำราญ ราคา 150 บาท/คน หรือรถบัส เชียงใหม่-ท่าตอน ลงที่วัดหาดสำราญเช่นกัน ราคา 85 บาท/คน หรือถ้าหากเพื่อน ๆ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ก็นั่งรถสาย กรุงเทพ-ท่าตอน ลงที่วัดหาดสำราญ จากวัดหาดสำราญ ขึ้นไปยังบนดอยอ่างขาง เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถสองแถว (สีขาว) ขึ้นไปบนดอยได้ ราคาอยู่ที่ 80 บาท/คน อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่มีรถยนตร์ส่วนตัว และต้องการไปเที่ยวจุดต่าง ๆ สามารถเหมารถสองแถวเที่ยวได้ ราคาเหมาจะอยู่ที่ 1,200 บาท/คัน

 

ขอบคุณแหล่งที่มา และรูปจาก
https://www.thetrippacker.com/

https://www.paiduaykan.com/
https://www.wongnai.com